ไทยกัมพูชา – ไทย-กัมพูชา จ่อนำสมรภูมิที่เคยขัดแย้งมาพัฒนาร่วมกัน

รูปภาพของ ไทยกัมพูชา

แหล่งที่มาของวิดีโอ ไทย-กัมพูชา จ่อนำสมรภูมิที่เคยขัดแย้งมาพัฒนาร่วมกัน

https://www.youtube.com/watch?v=6CiKSxxVEK8

เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ไทย-กัมพูชา จ่อนำสมรภูมิที่เคยขัดแย้งมาพัฒนาร่วมกัน

#กัมพูชา #ฮุนเซน #เกาะกง สวัสดีครับ พบกันอีกเช่นเคยกับช่อง 1one.asia กับข่าวสารอาเซียนและเอเชีย มาดูความคืบหน้าของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาซึ่งทั้งสองเป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน แม้จะขัดแย้งบ้าง ดีบ้าง แต่ก็แยกไม่ออก ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ เดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 14 ณ กรุงพนมเปญ โดยพลเอก ประวิตร ได้หารือกับพลเอก Tea Banh รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกองทัพในการรักษาความมั่นคงทางบกและทางทะเล โดยกำหนดให้มีการประชุมร่วมกันทุกปี. พร้อมร่วมกันผลักดันทุกพื้นที่ที่เคยเป็นสมรภูมิให้กลับมาเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมกัน โดยเฉพาะบริเวณชายแดนจันทบุรีและตราด – โพธิสัตว์ ไพลิน และพระตะบอง พร้อมยืนยันเจตนารมณ์ที่จะไม่เอาปัญหาเขตแดนมากระทบความสัมพันธ์อันดีของทั้ง 2 ประเทศ และงดเว้นการกระทำที่เป็นการละเมิดเขตแดน หากมีปัญหา จะร่วมกันยุติปัญหาในระดับพื้นที่ด้วยสันติวิธี โดยมี ความเข้าใจและเป็นไปตามกฎหมาย ที่ประชุมเห็นชอบให้เร่งรัดการเชื่อมต่อทางรถไฟไทย-กัมพูชาและยกระดับด่านชายแดนที่ตกลงร่วมกัน 4 แห่ง บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี บ.ท่าเสน จ.ตราดช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์ และ ข.เขาดิน จ.สระแก้ว รวมทั้งเห็นชอบร่วมกันสนับสนุนการเชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จ.สระแก้ว – จ.บันเตียเมียนเจย และ จ.ตราด – จ.เกาะกง และผลักดันการ มูลค่าการค้าชายแดนให้บรรลุเป้าหมาย 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 ภายหลังการประชุม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เข้าพบและรับประทานอาหารกลางวันกับนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ณ ห้องรับรองนายกรัฐมนตรี บ้านเอ๋อ. ทั้งสองฝ่ายหารือร่วมกัน แนวทางขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวร่วมกันเพื่อหมุนเวียนและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจระหว่างกันที่มีแนวโน้มเติบโตและพึ่งพากันมากขึ้น นับเป็น พัฒนาการล่าสุดของความสัมพันธ์ ระหว่างไทยกับกัมพูชาให้กลับมาร่วมมือมากขึ้นทั้งด้านการค้า การลงทุน ไปมาหาสู่กันมากขึ้น โดยสร้าง เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งระหว่างกัน ขยาย และเปิดจุดผ่านแดนร่วมกันมากขึ้น พร้อม ร่วมกันผลักดันทุกพื้นที่ที่เคย เป็นสมรภูมิให้กลับมาเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมกัน และจะมีการประชุมร่วมกันเป็นประจำ. เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือเพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศต่อไป

#กัมพูชา #ฮุนเซน #เกาะกง สวัสดีครับ พบกันอีกเช่นเคยกับช่อง 1one.asia กับข่าวสารอาเซียนและเอเชีย มาดูความคืบหน้าของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาซึ่งทั้งสองเป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน แม้จะขัดแย้งบ้าง ดีบ้าง แต่ก็แยกไม่ออก ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ เดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 14 ณ กรุงพนมเปญ โดยพลเอก ประวิตร ได้หารือกับพลเอก Tea Banh รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกองทัพในการรักษาความมั่นคงทางบกและทางทะเล โดยกำหนดให้มีการประชุมร่วมกันทุกปี. พร้อมร่วมกันผลักดันทุกพื้นที่ที่เคยเป็นสมรภูมิให้กลับมาเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมกัน โดยเฉพาะบริเวณชายแดนจันทบุรีและตราด – โพธิสัตว์ ไพลิน และพระตะบอง พร้อมยืนยันเจตนารมณ์ที่จะไม่เอาปัญหาเขตแดนมากระทบความสัมพันธ์อันดีของทั้ง 2 ประเทศ และงดเว้นการกระทำที่เป็นการละเมิดเขตแดน หากมีปัญหา จะร่วมกันยุติปัญหาในระดับพื้นที่ด้วยสันติวิธี โดยมี ความเข้าใจและเป็นไปตามกฎหมาย ที่ประชุมเห็นชอบให้เร่งรัดการเชื่อมต่อทางรถไฟไทย-กัมพูชาและยกระดับด่านชายแดนที่ตกลงร่วมกัน 4 แห่ง บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี บ.ท่าเสน จ.ตราดช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์ และ ข.เขาดิน จ.สระแก้ว รวมทั้งเห็นชอบร่วมกันสนับสนุนการเชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จ.สระแก้ว – จ.บันเตียเมียนเจย และ จ.ตราด – จ.เกาะกง และผลักดันการ มูลค่าการค้าชายแดนให้บรรลุเป้าหมาย 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 ภายหลังการประชุม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เข้าพบและรับประทานอาหารกลางวันกับนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ณ ห้องรับรองนายกรัฐมนตรี บ้านเอ๋อ. ทั้งสองฝ่ายหารือร่วมกัน แนวทางขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวร่วมกันเพื่อหมุนเวียนและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจระหว่างกันที่มีแนวโน้มเติบโตและพึ่งพากันมากขึ้น นับเป็น พัฒนาการล่าสุดของความสัมพันธ์ ระหว่างไทยกับกัมพูชาให้กลับมาร่วมมือมากขึ้นทั้งด้านการค้า การลงทุน ไปมาหาสู่กันมากขึ้น โดยสร้าง เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งระหว่างกัน ขยาย และเปิดจุดผ่านแดนร่วมกันมากขึ้น พร้อม ร่วมกันผลักดันทุกพื้นที่ที่เคย เป็นสมรภูมิให้กลับมาเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมกัน และจะมีการประชุมร่วมกันเป็นประจำ. เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือเพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศต่อไป

#กัมพูชา #ฮุนเซน #เกาะกง สวัสดีครับ พบกันอีกเช่นเคยกับช่อง 1one.asia กับข่าวสารอาเซียนและเอเชีย มาดูความคืบหน้าของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาซึ่งทั้งสองเป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน แม้จะขัดแย้งบ้าง ดีบ้าง แต่ก็แยกไม่ออก ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ เดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 14 ณ กรุงพนมเปญ โดยพลเอก ประวิตร ได้หารือกับพลเอก Tea Banh รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกองทัพในการรักษาความมั่นคงทางบกและทางทะเล โดยกำหนดให้มีการประชุมร่วมกันทุกปี. พร้อมร่วมกันผลักดันทุกพื้นที่ที่เคยเป็นสมรภูมิให้กลับมาเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมกัน โดยเฉพาะบริเวณชายแดนจันทบุรีและตราด – โพธิสัตว์ ไพลิน และพระตะบอง พร้อมยืนยันเจตนารมณ์ที่จะไม่เอาปัญหาเขตแดนมากระทบความสัมพันธ์อันดีของทั้ง 2 ประเทศ และงดเว้นการกระทำที่เป็นการละเมิดเขตแดน หากมีปัญหา จะร่วมกันยุติปัญหาในระดับพื้นที่ด้วยสันติวิธี โดยมี ความเข้าใจและเป็นไปตามกฎหมาย ที่ประชุมเห็นชอบให้เร่งรัดการเชื่อมต่อทางรถไฟไทย-กัมพูชาและยกระดับด่านชายแดนที่ตกลงร่วมกัน 4 แห่ง บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี บ.ท่าเสน จ.ตราดช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์ และ ข.เขาดิน จ.สระแก้ว รวมทั้งเห็นชอบร่วมกันสนับสนุนการเชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จ.สระแก้ว – จ.บันเตียเมียนเจย และ จ.ตราด – จ.เกาะกง และผลักดันการ มูลค่าการค้าชายแดนให้บรรลุเป้าหมาย 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 ภายหลังการประชุม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เข้าพบและรับประทานอาหารกลางวันกับนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ณ ห้องรับรองนายกรัฐมนตรี บ้านเอ๋อ. ทั้งสองฝ่ายหารือร่วมกัน แนวทางขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวร่วมกันเพื่อหมุนเวียนและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจระหว่างกันที่มีแนวโน้มเติบโตและพึ่งพากันมากขึ้น นับเป็น พัฒนาการล่าสุดของความสัมพันธ์ ระหว่างไทยกับกัมพูชาให้กลับมาร่วมมือมากขึ้นทั้งด้านการค้า การลงทุน ไปมาหาสู่กันมากขึ้น โดยสร้าง เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งระหว่างกัน ขยาย และเปิดจุดผ่านแดนร่วมกันมากขึ้น พร้อม ร่วมกันผลักดันทุกพื้นที่ที่เคย เป็นสมรภูมิให้กลับมาเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมกัน และจะมีการประชุมร่วมกันเป็นประจำ. เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือเพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศต่อไป